สาวเวียดนามบินมาทำงานที่ไทยโดนเจ้านายย่องเข้ามาข่มขืน

ดิฉันชื่อว่า เหงียน บิน ง็อก เป็นสาวเวียดนามที่ข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาทำงานในไทย ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่ประเทศไทยมาเป็นเวลา 13 ปีแล้วค่ะ วันแรกที่ดิฉันตัดสินใจบินมาทำงานที่ประเทศไทยก็เพราะว่าเศรษฐกิจที่เวียดนามซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของดิฉันค่อนข้างแย่มาก และที่บ้านของดิฉันก็มีหนี้สินเงินทองมากมาย และดิฉันก็ไม่ชอบบรรยากาศที่มีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ถึงที่บ้านทุกวัน ดิฉันก็เลยอยากจะหาทางออกให้กับครอบครัวของดิฉันเอง ที่ฉันคุยเรื่องนี้กับครอบครัวของดิฉันเป็นเวลาเกือบประมาณหนึ่งเดือนกว่าที่จะตกลงได้ว่าดิฉันจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาหางานทำที่นี่ และดิฉันก็จะส่งเงินกลับบ้านทุกเดือนแต่มีข้อแม้ว่าที่บ้านจะต้องเอาเงินที่ดิฉันส่งให้ไปใช้หนี้ และถ้าหมดหนี้เมื่อไหร่ดิฉันก็จะบินกลับไปที่เวียดนามทันทีเพื่อที่กลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ ในช่วงแรกก่อนที่ดิฉันจะบินมาที่ไทย ดิฉันก็ได้ไปขอยืมเงินญาติทุกคนที่รู้จักกัน พยายามยืมมาให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเอามาตั้งตัวที่ไทยให้กับตัวเองค่ะ เพราะว่าไม่ใช่ว่าเราจะบินมาแล้วเราก็จะได้เงินงานทำเลย และระหว่างนั้นมันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย และเงินจำนวนนี้ก็ถือเป็นเงินก้อนที่สำคัญมากสำหรับดิฉันค่ะ

ในวันแรกที่ดิฉันบินมาถึงประเทศไทย ดิฉันใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ดิฉันพูดภาษาไทยไม่ได้เลย และช่วงที่มาอยู่วันแรกดิฉันก็ไม่มีห้องพักนอนด้วยซ้ำ ต้องไปอาศัยนอนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ และเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตก็โดนบันดาลให้ดิฉันไปเจอกับโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกดิฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปสมัครงานที่โรงน้ำแข็งแห่งนี้ แต่สิ่งที่สะดุดหูดิฉันก็คือดิฉันได้ยินเสียงคนเวียดนามคุยกัน และนั่นมันก็คือทางเลือกทางเดียวที่จะทำให้ที่ฉันอยู่รอดต่อไปได้ ดิฉันเดินเข้าไปหาคนเวียดนามที่ทำงานอยู่ในโรงน้ำแข็งแห่งนี้และก็บอกกล่าวเล่าเรื่องราวของที่ฉันทั้งหมด และทุกคนที่นี่ก็ดีกับดิฉันมาก ด้วยความที่เราเป็นคนเวียดนามและเดินทางไกลมาถึงขนาดนี้ พวกเขาก็ไปพูดคุยกับเจ้าของโรงน้ำแข็งให้รับดิฉันเข้าไปทำงาน และเจ้าของโรงน้ำแข็งก็ใจดีมากที่รับดิฉันเข้าไปทำงาน ซึ่งช่วงแรกที่ฉันก็ไปอยู่ในโรงโม่น้ำแข็ง แต่ทำงานไปได้ประมาณอาทิตย์นึงเจ้าของโรงน้ำแข็งก็น่าจะสงสารดิฉัน เพราะว่าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เจ้าของโรงงานก็เลยให้ดิฉันไปทำงานเป็นผู้ช่วยเสมียนคอยทำบัญชีจดนู่นนี่นั่นค่ะ ในช่วงแรกมันยากมากพอดิฉันอ่านหนังสือภาษาไทยไม่ออกเลย แต่พวกเขาก็สอนดิฉันจนดิฉันสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้จนถึงทุกวันนี้ รวมถึงยังพูดภาษาไทยได้ด้วย และเมื่อดิฉันเริ่มทำงานคล่องขึ้น สิ่งที่ได้ตามมาก็คือเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ ซึ่งดิฉันก็ดีใจนะคะเพราะว่ามันจะทำให้ที่บ้านของดิฉันหมดหนี้ไวขึ้น

มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งดิฉันก็นอนอยู่ในห้องของตัวเอง ตอนนั้นดิฉันกำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักคนงานที่โรงน้ำแข็ง ในช่วงประมาณห้าทุ่มดิฉันก็ได้ยินเหมือนมีคนมาไขประตูห้อง ดิฉันตกใจเป็นอย่างมาก และคนที่ไข่ประตูห้องเข้ามาก็ไม่ใช่ใคร แต่คนนั้นคือเจ้าของโรงน้ำแข็งค่ะ เจ้าของโรงน้ำแข็งเข้ามากอดและนัวเนียดิฉัน ดิฉันก็ตกใจเป็นอย่างมาก และเจ้าของโรงน้ำแข็งก็บอกกับดิฉันว่าเค้าไม่อยากให้ดิฉันกลับเวียดนาม เพราะเค้ารู้ว่าตอนนั้นดิฉันกำลังจะหมดหนี้ที่บ้านแล้ว เจ้าของโรงน้ำแข็งสารภาพรักกับดิฉันว่าเค้าแอบชอบดิฉันมานานแล้วตั้งแต่ตอนที่เค้าให้ดิฉันขึ้นไปทำงานเป็นผู้ช่วยเสมียน และสิ่งที่เจ้าของโรงงานทำกับดิฉันในคืนวันนั้นก็คือเจ้าของโรงงานก็จับดิฉันทำเมียด้วยการขืนใจ ในวันนั้นดิฉันไม่เต็มใจเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะดิฉันเป็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งก็ต้องถูกกดขี่อยู่แบบนี้ ดิฉันโดนจับฉีกเสื้อผ้าฉีกเป็นชิ้นๆ โดนเจ้าของโรงน้ำแข็งจับดูดนม จับดิฉันถ่างขา และก็เบิร์นหีให้กับดิฉัน ตอนแรกดิฉันขัดขืนหนักมากแต่เมื่อผ่านไปสักพักดิฉันก็เริ่มรู้สึกเสียวตาม และเจ้าของโรงน้ำแข็งเอาควยมายัดใส่ปาก ดิฉันก็ไม่มีท่าทีขัดขืนอะไรแล้วในตอนนั้น ยอมดูดควยให้กับเจ้าของโรงน้ำแข็งแต่โดยดี หลังจากนั้นดิฉันก็นอนอาขาและโดนเจ้าของโรงน้ำแข็งคนนี้เย็ดหีของดิฉันยังรู้ตัว และมันก็เป็นความรู้สึกที่ดิฉันฟินหีมากและที่ฉันก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน และหลังจากที่ได้เย็ดกันวันนั้นดิฉันก็ตั้งท้อง และกลายเป็นว่าดิฉันก็ได้ขึ้นเป็นเมียของเจ้าของโรงน้ำแข็งอย่างเต็มตัว มีลูกด้วยกันสองคน และตั้งแต่ตั้งท้องในวันนั้นดิฉันก็ยังไม่เคยได้กลับไปสัมภาษณ์บ้านเกิดที่เวียดนามของตัวเองอีกเลยค่ะ แต่ว่าดิฉันก็ยังคงไม่ลืมครอบครัวและส่งเงินให้ที่บ้านใช้อยู่ได้เรื่อยๆ เขาว่าผัวดิฉันที่เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งก็ใจดีเป็นอย่างมากและเขาก็สัญญาว่าถ้าลูกคนเล็กโต เค้าจะพาที่ฉันกลับไปเยี่ยมที่บ้านค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *